วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560

วรรณกรรมท้องถิ่น ภารกิจ2/1

รรณกรรมท้องถิ่น
เรื่อง แก้วหน้าม้า



                                           ภารกิจที่๒/๑


อินโฟกราฟฟิก (Infographic)
เรื่อง แก้วหน้าม้า







นางสาว สุธาสินี  ใครบุตร
ชั้นปีที่ 3หมู่ 1
รหัส57210406129

วรรณกรรมท้องถิ่น เรื่องแก้วหน้าม้า

วรรณกรรมท้องถิ่น
เรื่อง แก้วหน้าม้า



                                           ภารกิจที่๒/๑


อินโฟกราฟฟิก (Infographic)
เรื่อง แก้วหน้าม้า







นางสาว สุธาสินี  ใครบุตร
ชั้นปีที่ 3หมู่ 1
รหัส57210406129

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

วรรณกรรมท้องถิ่น
เรื่อง แก้วหน้าม้า

                                                 ภารกิจที่๑

๑.วิเคราะห์ชื่อเรื่อง

               

                                     ในภาพอาจจะมี ดอกไม้ และ ข้อความ                    

       " แก้ว"    น.หมายถึง หินแข็งใส แลลอดเข้าไปข้างในได้ ได้แก่จําพวกเพชรพลอย แต่ สำหรับแก้ว                      ในเรื่องนิทานพื้นบ้านเรื่องนี้"แก้ว" หมายถึงชื่อตัวละครตัวนางของเรื่อง
        " หน้า " หมายถึง น. ส่วนของศีรษะตั้งแต่หน้าผากลงมาจดคา

        " ม้า "   หมายถึงน. สัตว์สี่เท้าชนิดหนึ่ง ใช้เป็นพาหนะขับขี่และเทียมรถเครื่องรองนั่งและรอง                               สิ่งของรูปสี่เหลี่ยม มีขาตัวลายเป็นจุดสีน้ำตาล พื้นขา




           ดังนั้น นิทานเรื่อง "แก้วหน้าม้า" จึงมาจากชื่อของตังละครเอก คือตัวนางของเรื่องที่มีรูปหน้าเป็นม้า ที่ปรากฎไว้ในตัวบท ซึ่งผู้แต่งก็ต้องการจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านเห็นลักษณะพิเศษที่ผิดแปลกไปจากเรื่องอื่นของตัวนาง


๒.แก่นเรื่อง

                                   
                         "อย่ามองคนแค่เพียงภายนอก คนดีไม่ใช่ดูที่รูปร่างหน้าตา                                                                                        แต่ดูที่นิสัย และจิตใจ"


๓.โครงเรื่อง

                                          การเปิดเรื่อง
ปมเรื่อง
พระปิ่นทองตกลงรับปากกับนางแก้วหน้าม้าว่าจะรับนางไปเป็นพระมเหสีที่เมืองมิถิลา

การดำเนินเรื่อง

      1. พระปิ่นทองออกมาเล่นว่าวด้านนอกพระราชวัง ว่าวพระปิ่นทองเกิดสายป่านขาดลอยไปตกที่ทุ่งนา 
      2. นางแก้วมณีเห็นจึง เก็บกลับไปไว้ที่บ้าน 
      3. เมื่อพระปิ่นทองมาขอว่าวคืนนางแก้วได้ขอให้พระปิ่นทองรับตนเองไปเป็นพระมเหสี ด้วยความอยากได้ว่าวคืนพระปิ่นทองจึงตกปากรับคำไปส่งเดช
      4. นางแก้วมณีก็ได้เข้าไปอยู่ในวังแต่ก็ต้องถูกกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา
      5.ท้าวภูวดลให้นางแก้วมณีไปตัดเขาพระสุเมรุ ระหว่างทางก็ได้พระฤๅษีช่วยและพระฤๅษีนี้เองเป็นผู้ที่ถอดหน้าม้าและมอบเรือเหาะกับมีดโต้วิเศษไว้ให้
       6.เมื่อได้เขาพระสุเมรุกลับมาท้าวภูวดลสั่งให้พระปิ่นทองเดินทางไปยังเมืองโรมวิถีเพื่ออภิเษกกับเจ้าหญิงทัศมาลี
       7.นางแก้วมณีจึงนั่งเรือเหาะไปขออาศัยอยู่ที่กระท่อมกับสองตายายในป่าชานเมืองโรมวิถี พร้อมกับถอดรูปม้าออกกลายเป็นหญิงสาวแสนสวยชื่อมณีรัตนา
       8.จนในที่สุดพระปิ่นทองก็ตกหลุมรักและอยู่กินด้วยกันช่วงหนึ่งจนมณีรัตนาท้อง
       9.พระปิ่นทองจึงมอบแหวนประจำพระองค์ไว้ให้ก่อนจากกัน ระหว่างทางพระปิ่นทองได้สู้กับยักษ์ชื่อท้าวพาลราช
       10.ฝ่ายแก้วมณีเมื่อทราบความจากพระฤๅษีก็แปลงกายเป็นชายชื่อเจ้าแก้วนั่งเรือเหาะมาช่วยเหลือจนชนะ
        11.เจ้าแก้วก็แปลงร่างกลับเป็นนางแก้วมณีอุ้มลูกคือ พระปิ่นแก้วมาดักพระปิ่นทองที่เมือง
        12.พระปิ่นทองจึงไล่แก้วหน้าม้าและลูกให้ไปอยู่ท้ายวัง หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดศึกท้าวประกายมาศพญายักษ์มาตีเมืองมิถิลา

        13.สร้อยสุวรรณ จันทร์สุดาจึงออกอุบายให้ท้าวภูวดลมาขอร้องนางแก้วมณีให้ไปช่วย แก้วหน้าม้าจึงแปลงกายเป็นเจ้าแก้วออกรบจนชนะ พระปิ่นทองจึงรู้ความจริงและงอนง้อขอคืนดีกับแก้วหน้าม้า 
      
การปิดเรื่อง
        ปิดเรื่องด้วยการ คลี่คลายปมคือ พระปิ่นทองได้รู้ความจริงทุกอย่างว่าหญิงสาวแสนสวยชื่อมณีรัตนา และเจ้าแก้วที่นั่งเรือเหาะมาช่วยเหลือตนจากยักษ์คือคนเดียวกันกับนางแก้วหน้าม้า
    













นางสาว สุธาสินี  ใครบุตร ปี3 หมู่1 สาขาภาษาไทย

















วรรณกรรมท้องถิ่น
เรื่อง แก้วหน้าม้า

                                                 ภารกิจที่๑

๑.วิเคราะห์ชื่อเรื่อง

               

                                     ในภาพอาจจะมี ดอกไม้ และ ข้อความ                    

       " แก้ว"    น.หมายถึง หินแข็งใส แลลอดเข้าไปข้างในได้ ได้แก่จําพวกเพชรพลอย แต่ สำหรับแก้ว                      ในเรื่องนิทานพื้นบ้านเรื่องนี้"แก้ว" หมายถึงชื่อตัวละครตัวนางของเรื่อง
        " หน้า " หมายถึง น. ส่วนของศีรษะตั้งแต่หน้าผากลงมาจดคา

        " ม้า "   หมายถึงน. สัตว์สี่เท้าชนิดหนึ่ง ใช้เป็นพาหนะขับขี่และเทียมรถเครื่องรองนั่งและรอง                               สิ่งของรูปสี่เหลี่ยม มีขาตัวลายเป็นจุดสีน้ำตาล พื้นขา




           ดังนั้น นิทานเรื่อง "แก้วหน้าม้า" จึงมาจากชื่อของตังละครเอก คือตัวนางของเรื่องที่มีรูปหน้าเป็นม้า ที่ปรากฎไว้ในตัวบท ซึ่งผู้แต่งก็ต้องการจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านเห็นลักษณะพิเศษที่ผิดแปลกไปจากเรื่องอื่นของตัวนาง


๒.แก่นเรื่อง

                                   
                         "อย่ามองคนแค่เพียงภายนอก คนดีไม่ใช่ดูที่รูปร่างหน้าตา                                                                                        แต่ดูที่นิสัย และจิตใจ"


๓.โครงเรื่อง

                                          การเปิดเรื่อง
ปมเรื่อง
พระปิ่นทองตกลงรับปากกับนางแก้วหน้าม้าว่าจะรับนางไปเป็นพระมเหสีที่เมืองมิถิลา

การดำเนินเรื่อง

      1. พระปิ่นทองออกมาเล่นว่าวด้านนอกพระราชวัง ว่าวพระปิ่นทองเกิดสายป่านขาดลอยไปตกที่ทุ่งนา 
      2. นางแก้วมณีเห็นจึง เก็บกลับไปไว้ที่บ้าน 
      3. เมื่อพระปิ่นทองมาขอว่าวคืนนางแก้วได้ขอให้พระปิ่นทองรับตนเองไปเป็นพระมเหสี ด้วยความอยากได้ว่าวคืนพระปิ่นทองจึงตกปากรับคำไปส่งเดช
      4. นางแก้วมณีก็ได้เข้าไปอยู่ในวังแต่ก็ต้องถูกกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา
      5.ท้าวภูวดลให้นางแก้วมณีไปตัดเขาพระสุเมรุ ระหว่างทางก็ได้พระฤๅษีช่วยและพระฤๅษีนี้เองเป็นผู้ที่ถอดหน้าม้าและมอบเรือเหาะกับมีดโต้วิเศษไว้ให้
       6.เมื่อได้เขาพระสุเมรุกลับมาท้าวภูวดลสั่งให้พระปิ่นทองเดินทางไปยังเมืองโรมวิถีเพื่ออภิเษกกับเจ้าหญิงทัศมาลี
       7.นางแก้วมณีจึงนั่งเรือเหาะไปขออาศัยอยู่ที่กระท่อมกับสองตายายในป่าชานเมืองโรมวิถี พร้อมกับถอดรูปม้าออกกลายเป็นหญิงสาวแสนสวยชื่อมณีรัตนา
       8.จนในที่สุดพระปิ่นทองก็ตกหลุมรักและอยู่กินด้วยกันช่วงหนึ่งจนมณีรัตนาท้อง
       9.พระปิ่นทองจึงมอบแหวนประจำพระองค์ไว้ให้ก่อนจากกัน ระหว่างทางพระปิ่นทองได้สู้กับยักษ์ชื่อท้าวพาลราช
       10.ฝ่ายแก้วมณีเมื่อทราบความจากพระฤๅษีก็แปลงกายเป็นชายชื่อเจ้าแก้วนั่งเรือเหาะมาช่วยเหลือจนชนะ
        11.เจ้าแก้วก็แปลงร่างกลับเป็นนางแก้วมณีอุ้มลูกคือ พระปิ่นแก้วมาดักพระปิ่นทองที่เมือง
        12.พระปิ่นทองจึงไล่แก้วหน้าม้าและลูกให้ไปอยู่ท้ายวัง หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดศึกท้าวประกายมาศพญายักษ์มาตีเมืองมิถิลา

        13.สร้อยสุวรรณ จันทร์สุดาจึงออกอุบายให้ท้าวภูวดลมาขอร้องนางแก้วมณีให้ไปช่วย แก้วหน้าม้าจึงแปลงกายเป็นเจ้าแก้วออกรบจนชนะ พระปิ่นทองจึงรู้ความจริงและงอนง้อขอคืนดีกับแก้วหน้าม้า 
      
การปิดเรื่อง
        ปิดเรื่องด้วยการ คลี่คลายปมคือ พระปิ่นทองได้รู้ความจริงทุกอย่างว่าหญิงสาวแสนสวยชื่อมณีรัตนา และเจ้าแก้วที่นั่งเรือเหาะมาช่วยเหลือตนจากยักษ์คือคนเดียวกันกับนางแก้วหน้าม้า
    













นางสาว สุธาสินี  ใครบุตร ปี3 หมู่1 สาขาภาษาไทย


















วรรณกรรมท้องถิ่น



วรรณกรรมท้องถิ่น
เรื่อง แก้วหน้าม้า

                                                 ภารกิจที่๑

๑.วิเคราะห์ชื่อเรื่อง

               

                                     ในภาพอาจจะมี ดอกไม้ และ ข้อความ                    

       " แก้ว"    น.หมายถึง หินแข็งใส แลลอดเข้าไปข้างในได้ ได้แก่จําพวกเพชรพลอย แต่ สำหรับแก้ว                      ในเรื่องนิทานพื้นบ้านเรื่องนี้"แก้ว" หมายถึงชื่อตัวละครตัวนางของเรื่อง
        " หน้า " หมายถึง น. ส่วนของศีรษะตั้งแต่หน้าผากลงมาจดคา

        " ม้า "   หมายถึงน. สัตว์สี่เท้าชนิดหนึ่ง ใช้เป็นพาหนะขับขี่และเทียมรถเครื่องรองนั่งและรอง                               สิ่งของรูปสี่เหลี่ยม มีขาตัวลายเป็นจุดสีน้ำตาล พื้นขา




           ดังนั้น นิทานเรื่อง "แก้วหน้าม้า" จึงมาจากชื่อของตังละครเอก คือตัวนางของเรื่องที่มีรูปหน้าเป็นม้า ที่ปรากฎไว้ในตัวบท ซึ่งผู้แต่งก็ต้องการจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านเห็นลักษณะพิเศษที่ผิดแปลกไปจากเรื่องอื่นของตัวนาง


๒.แก่นเรื่อง

                                   "อย่ามองคนแค่เพียงภายนอก คนดีไม่ใช่ดูที่รูปร่างหน้าตา                                                                                                           แต่ดูที่นิสัย และจิตใจ"



๓.โครงเรื่อง


             การเปิดเรื่อง

ปมเรื่อง
พระปิ่นทองตกลงรับปากกับนางแก้วหน้าม้าว่าจะรับนางไปเป็นพระมเหสีที่เมืองมิถิลา

การดำเนินเรื่อง

      1. พระปิ่นทองออกมาเล่นว่าวด้านนอกพระราชวัง ว่าวพระปิ่นทองเกิดสายป่านขาดลอยไปตกที่ทุ่งนา 
      2. นางแก้วมณีเห็นจึง เก็บกลับไปไว้ที่บ้าน 
      3. เมื่อพระปิ่นทองมาขอว่าวคืนนางแก้วได้ขอให้พระปิ่นทองรับตนเองไปเป็นพระมเหสี ด้วยความอยากได้ว่าวคืนพระปิ่นทองจึงตกปากรับคำไปส่งเดช
      4. นางแก้วมณีก็ได้เข้าไปอยู่ในวังแต่ก็ต้องถูกกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา
      5.ท้าวภูวดลให้นางแก้วมณีไปตัดเขาพระสุเมรุ ระหว่างทางก็ได้พระฤๅษีช่วยและพระฤๅษีนี้เองเป็นผู้ที่ถอดหน้าม้าและมอบเรือเหาะกับมีดโต้วิเศษไว้ให้
       6.เมื่อได้เขาพระสุเมรุกลับมาท้าวภูวดลสั่งให้พระปิ่นทองเดินทางไปยังเมืองโรมวิถีเพื่ออภิเษกกับเจ้าหญิงทัศมาลี
       7.นางแก้วมณีจึงนั่งเรือเหาะไปขออาศัยอยู่ที่กระท่อมกับสองตายายในป่าชานเมืองโรมวิถี พร้อมกับถอดรูปม้าออกกลายเป็นหญิงสาวแสนสวยชื่อมณีรัตนา
       8.จนในที่สุดพระปิ่นทองก็ตกหลุมรักและอยู่กินด้วยกันช่วงหนึ่งจนมณีรัตนาท้อง
       9.พระปิ่นทองจึงมอบแหวนประจำพระองค์ไว้ให้ก่อนจากกัน ระหว่างทางพระปิ่นทองได้สู้กับยักษ์ชื่อท้าวพาลราช
       10.ฝ่ายแก้วมณีเมื่อทราบความจากพระฤๅษีก็แปลงกายเป็นชายชื่อเจ้าแก้วนั่งเรือเหาะมาช่วยเหลือจนชนะ
        11.เจ้าแก้วก็แปลงร่างกลับเป็นนางแก้วมณีอุ้มลูกคือ พระปิ่นแก้วมาดักพระปิ่นทองที่เมือง
        12.พระปิ่นทองจึงไล่แก้วหน้าม้าและลูกให้ไปอยู่ท้ายวัง หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดศึกท้าวประกายมาศพญายักษ์มาตีเมืองมิถิลา

        13.สร้อยสุวรรณ จันทร์สุดาจึงออกอุบายให้ท้าวภูวดลมาขอร้องนางแก้วมณีให้ไปช่วย แก้วหน้าม้าจึงแปลงกายเป็นเจ้าแก้วออกรบจนชนะ พระปิ่นทองจึงรู้ความจริงและงอนง้อขอคืนดีกับแก้วหน้าม้า 
      
การปิดเรื่อง
        ปิดเรื่องด้วยการ คลี่คลายปมคือ พระปิ่นทองได้รู้ความจริงทุกอย่างว่าหญิงสาวแสนสวยชื่อมณีรัตนา และเจ้าแก้วที่นั่งเรือเหาะมาช่วยเหลือตนจากยักษ์คือคนเดียวกันกับนางแก้วหน้าม้า
    













นางสาว สุธาสินี  ใครบุตร ปี3 หมู่1 สาขาภาษาไทย